10.11.57


เมืองที่ไร้ความฝัน มันช่างเงียบเหงา 
ปริศนาในป่าฝัน : Jimmy Liao

4.11.57

Himizu


"รักรากเลือด - Himizu"  เป็นเรื่องราวซากปรักหักพังของชีวิตผู้คนในอีกมุมหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ดูแล้วรันทดหดหู่มืดมนแต่ท้ายสุดกลับมีแสงสว่างในความมืดนั้นให้เห็นรางๆ และค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น ซึ่งก็คือ
 "ความหวัง ความดี คุณค่าของความเป็นคน และการไม่ยอมแพ้ของมนุษย์" 
หมายเหตุ : himazu แปลว่า ตัวตุ่น

KIDS


KIDS เริ่มต้นเรื่องหม่นหมองพอกัน เรื่องราวของเพื่อนสามคนที่ผ่านความรุนแรงในวัยเด็กมาจนเป็นปมในชีวิตเมื่อเติบโตขึ้น คนนึงเติบโตมาด้วยความกลัวพ่อขี้เมาที่ชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย (เมาแล้วเอาเตารีดนาบลูก) อีกคนเป็นเด็กสาวที่โดนเพื่อนที่โรงเรียนเอามีดกรีดปากจนบาดเจ็บสาหัสเป็นแผลเป็นจนเธอต้องใส่มาร์กปิดปากอยู่ตลอดเวลา
คนที่สามคือชายหนุ่มที่มีพลังพิเศษ สามารถดูดซับความเจ็บปวดของคนอื่นมาไว้ที่ตัวเองได้ เขารับรู้ถึงพลังนี้เมื่อแม่แทงพ่อตายและแทงเขาด้วย ทว่าเมื่อแม่มาจับตััวเขาบาดแผลถูกแทงก็ย้ายไปอยู่ที่แม่ เมื่อโตขึ้นสิ่งที่เขาทำคือตะเวนช่วยคนที่เจ็บปวด และนำความเจ็บปวดเหล่านั้นมาสู่ตัวเอง.
ประเด็นเรื่องความรุนแรงในสังคมโดยเฉพาะผู้ที่ถูกกระทำเป็นเด็กๆ และเกิดจากคนในครอบครัวของตัวเองนั้นมักเป็นปัญหาที่ฝังลึกอยู่ในใจของเด็ก แม้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่สักแค่ไหนก็ตาม ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่อาจเลือนหายไปได้โดยง่าย
หมายเหตุ ดูเรื่องนี้จบอยากวาดรูปทามะคุงมากๆ หัวกระเซิงตลอดเวลา ผิดกับมาดท่านจิอากิอย่างกับฟ้ากับเหว

27.10.57

Bless Me, Ultima


เธอเป็นแม่มด 
เธอเป็นนกฮูก
เธอเป็นผู้เยียวยา
เธอเป็นผู้สอนให้อัลโตนิโอพูดกับต้นไม้ เมื่อเธอพาเขาไปเก็บสมุนไพร ก่อนเก็บจะต้องบอกต้นไม้ว่า "เราเก็บท่านเพื่อไปทำยานะ" 
....
อัลติม่าสอนผมให้ฟังเสียงของทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติ สอนให้ฟังว่าแม่น้ำพูดว่าอะไร
คำของอัลติม่าที่สอนอัลโตนิโอในหนังเรื่องนี้ที่กระทบใจฉันมากที่สุดคือ

"จงจำเอาไว้นะ อันโตนิโน ความดีที่เล็กที่สุด สามารถต่อสู้กับความชั่วร้ายที่สุดในโลกได้"

...
อื่นๆ ที่น่าสนใจ : หนังยังสะท้อนภาพชาวนาในเม็กซิโกได้งดงาม เรื่องความเคารพพืชผลประหนึ่งของขวัญศักดิ์ืสิทธิ์ที่ผืนดินมอบให้ เรื่องของการตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าของเด็กๆ ในขณะที่วิ่งเล่นกัน การไม่เชื่อในพระเจ้าของเด็กผู้สูญเสียพ่อแม่ไป ความเชื่อเรื่องแม่มด ฯลฯ หนังดูสนุกค่ะ อ้อ เรื่องนี้สร้างมาจากวรรณกรรมชื่อเดียวกับหนัง Bless Me, Ultima (a novel by Rudolfo Anaya)

Heavenly Forest





อย่างที่รู้หนังญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นหนังที่มีความละมุนละไม เก็บซ่อนรายละเอียดปลีกย่อยที่งดงามเอาได้ในเรื่องราวของหนังได้อย่างดีเยี่ยม บางคนอาจไม่ชอบเพราะโดยรวมดำเนินเรื่องช้าเนิบๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ตัดฉับๆ เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาด หรือมีบทสนทนามากมาก หนังญี่ปุ่นบางเรื่องบางฉากแทบไม่มีบทพูดเลย ทว่าใช้ภาพเล่าเรื่องเอง
ในโรงไป) แน่นอนว่าเพลงเพราะตามที่หนังโปรโมตไว้ แต่ทำไมฉันเฉยๆ ไม่ได้ชอบมากมายสักเท่าไหร่ และออกจะเดาทางการเดินเรื่องได้ วันนี้ฉันดูหนังรักอีกเรื่อง Heavenly Forest เป็นหนังเก่าตั้งแต่ปี 2006 ฉันกลับนั่งน้ำตาร่วงเผาะ ๆ T_T

พระเอก (มาโกโตะ) รักการถ่ายรูปมาก จนนางเอก(ชิสึรุ) เริ่มสนใจการถ่ายรูป และให้เขาสอนถ่ายภาพ นางเอกแอบรักพระเอก พระเอกผูกพันกับนางเอกแต่ก็คบกับผู้หญิงอีกคน (มิยูกิ) (ดูว่ามาโกโตะเอกก็รักชิสึรุแต่นางไม่รู้ใจตัวเอง) จนกระทั่งชิซูรุอยากได้ภาพเพื่อส่งเข้าประกวด เธอขอให้เขาจูบเธอในคอนเซป kissing in a forest ทั้งสองจูบกัน และชิสึรุก็หายไปจากชีวิตชายหนุ่มตั้งแต่วันนั้น มาโกโตะรู้ใจตัวเองแล้ว และก็สายไปแล้วเช่นกัน (ว่ากันว่าความรักที่บริสุทธิ์ก็ไม่เคยทำร้ายใคร แต่ทำร้ายใจกุมาก ดูไปน้ำตาร่วงไป)
ด้วยว่าครอบครัวชิสึรุเสียชีวิตเพราะโรคชนิดนึง เข้าใจว่าเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ด้วย เธอเองก็เป็นโรคนี้ ชิสึรุเดินทางไปนิวยอร์คและเป็นช่างภาพตามฝัน กระทั่งวันนึงมีจดหมายจากชิสึรุส่งมาถึงมาโกโตะจากนิวยอร์ก พระเอกของเราก็อุตสาห์รีบไป แต่หนังก็โคตรใจร้าย (แบบงดงาม) ชายหนุ่มได้เจอเพียงงานแสดงภาพถ่ายของเธอ ในนั้นมีภาพของเขาอยู่มากมาย แน่นอน...รวมทั้งภาพ kissing in a forest อยู่ด้วย ทว่าเธอได้จากเขาไปนิรันดร์แล้ว นาทีนี้อิชั้นหมดทิชชูไปครึ่งม้วนแล้ว พระเอก (Hiroshi Tamaki แสดง) ร้องไห้เก่งมาก (เค้าเลยร้องตาม)
หมายเหตุ หนังสวยมากค่ะ ดูแล้วอยากหยิบกล้องออกไปถ่ายรูปโดยพลัน







1.10.57

กาแฟในแก้วชา



กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เรา ตื่น ขึ้น
และกาแฟก็เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เรา สงบ ลง

26.5.57

somewhere in time

กาแฟบางแก้วในบางที่ทาง คือความทรงจำแสนงาม, เมืองงอยเก่า ริมน้ำอู หลวงพระบาง 
- สักวันฉันจะกลับไปหาเธอ

22.5.57

บ่น

ยินดีด้วยกับมนุษยชาติในโลกภายหน้า นอกจากเราจะชอบสร้างเรื่องรบราฆ่ากันเองแล้ว สงครามกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คืิอสิ่งที่พวกคุณต้องรับมือ ..บราโว ดีนะที่ฉันเดินทางมาครึ่งชีวิตแล้ว และไม่มีลูกให้คอยห่วง..

17.5.57

tea pot


ใช้จนพัง ..หูเดิมของกาใบนี้เป็นหวายถัก และถูกใช้งานจนพังคามือ กายังดีอยู่ ก็เลยไปเอาลวดไม้แขวนเสื้อมาตัด และดัด (แบบดิบๆ--ความจริงขี้เกียจหรอกมันแข็ง, เจ็บมือ) ความที่กลัวลวดจะเป็นสื่อความร้อน เวลาใส่น้ำร้อนลงไป ก็เอาเชือกสักหลาดมาพันอีกที ..ออกมาเป็นชิ้นโปรดเลยนะ 

16.5.57

sweet and juicy

เส้นนี้ออกแนวหวานๆ เรียบร้อย ถักไหมโครเชเป็นลูกกลมๆ (ยัดสำลีด้านในน้ำหนักจะเบา ไม่หนักคอ) 
ถักดอกไม้สักดอก แล้วร้อยกับริบบิ้นเส้นเล็กๆ 
หัวท้ายลูกกลมให้ผูกปมริบบิ้นกันลูกกลมเลื่อนลงมากองรวมกัน
ใส่ลูกปัดอีกนิดหน่อย..ง่ายๆ ค่ะ
ปิ๊งๆ ดูน่ารักไปอีกแบบนะ 



cat cat cat

ยางลบเก่า แมวตัวใหม่ 
เว้นว่างหน้าตาไว้วาดตามอารมณ์แมว ^ ^
d. i. y. แกะง่ายแค่พริบตา ได้ของเล่นใหม่ๆ มาใช้ประดับโปสการ์ดกับสมุดบันทึก โดยไม่ต้องเสียตังส์



You'll wish to be tech mate

The Guardian ตีพิมพ์บทความของริชาร์ด โจนส์ นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ซึ่งคาดการณ์โลกยุคดิจิทัลไว้ว่า


"ความเป็นส่วนตัวจะกลายเป็นความลุ่มหลงของผู้คน"

ซึ่งเราก็เห็นกันแล้วว่ามันเป็นจริงในโลกโซเชียลมีเดีย ลองมาอ่านคำของเทพบิดาผู้สร้างในโลกโซเชียลเขาว่ายังไงบ้าง

"ผมสร้าง Tumblr ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้คนได้ออนไลน์ตัวตนที่พวกเขาภูมิใจ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมีวิจารณญาณมากขึ้นในการแสดงความคิดเห็น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผลที่ตามมาคือความคิดเห็นจากสาธารณชนต่อสิ่งที่คุณแสนจะภูมิใจเหลือเกินนั่นเอง" -David Karp ผู้ก่อตั้งTumblr


"ผมอยากรู้ความเป็นไปของเมืองนิวยอร์กที่ผมรัก ผมเลยเขียนโปรแกรมเพื่อติดตามคนกลุ่มนี้ แต่แล้วผมกลับรู้สึกว่า เพื่อนๆ ของผมนั่นเองที่หายไป ทุกวันนี้ผมใช้ทวิตเตอร์เพื่อติดตามคนที่ผมรัก คนที่ผมแคร์ เพื่อจะได้มีประสบการณ์ร่วมกับพวกเขา" -Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Twitter


"ผมอยากให้ Instagram เป็นกล้องถ่ายรูปของสังคม คุณจะได้เห็นภาพในช่วงเวลานั้นๆ ร่วมกัน คุณอาจเป็นคนดังในฮอลลีวู้ด หรือเป็นใครก็ไม่รู้ในญี่ปุ่น เพราะหัวใจของมันคือการสื่อสารของคุณผ่านภาพที่คุณถ่ายนั่นแหล่ะ" -Kevin Systrom ผู้ก่อตั้ง Instagram


เท๕โนโลยีเป็นแค่เครื่องมือ มันไม่ได้ทำลายความคิดสร้างสรรค์ ตรงกันข้ามกลับมอบความเป็นไปได้ให้กับเรา และสำหรับผมแล้ว การเข้าถึงเทคโนโลยีคือความหรูหราที่สุดที่หลงเหลือให้เห็นกันในยุคนี้" - Nick Knight ผู้ก่อตั้ง SHOWstudio


คัดลอกจากนิตยสาร ELLE Thailand เล่มไหนจำไม่ได้แล้วเพราะจดไว้นานแล้ว